|
หัวข้อ
: "การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมในครอบครัวของพ่อแม่ในปัจจุบัน" |
|
แนวคิดและที่มาของการสำรวจ : |
|
ในช่วงระยะที่ผ่านมาจะพบว่าข่าวคราวของเยาวชนไทยที่ปรากฏตามสื่อต่างๆมักเป็นข่าวด้านลบมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งในเรื่อง
พฤติกรรมทางเพศ ปัญหายาเสพติด การมีค่านิยมฟุ้งเฟ้อยึดติดวัตถุ และพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
โดยอายุของเยาวชนผู้ตกเป็นข่าว
ก็นับวันจะยิ่งน้อยลงทุกที ซึ่งนอกเหนือจากสภาพสังคมที่มีผลต่อความคิดและพฤติกรรมของเยาวชนแล้ว
เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า
ครอบครัวเป็นสถาบันหลักที่สำคัญที่สุดในการหล่อหลอมและขัดเกลาความเป็นมนุษย์ผู้รู้ผิดชอบชั่วดีให้กับเยาวชนเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม แบบแผนการดำเนินชีวิตของครอบครัวไทยในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตามกระแสโลกาภิวัตน์
และความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เป็นผลให้สัมพันธภาพภายในครอบครัวเสื่อมถอยลง
พ่อ แม่ ลูก ไม่ได้มีโอกาสทำตามบทบาทหน้าที่
ของตนอย่างเต็มที่ การอบรมปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมถูกผลักให้เป็นภาระของสถาบันอื่นในสังคม
ส่งผลให้เยาวชนไทยเติบโตขึ้น
อย่างไร้รากและไม่สามารถแยกแยะถูกผิดได้อย่างที่ควรจะเป็น
เนื่องในโอกาสวันครอบครัว
(วันที่ 14 เมษายน) ที่จะถึงนี้ ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ สถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
จึงได้
ดำเนินโครงการสำรวจความคิดเห็นของพ่อแม่ที่มีลูกอยู่ในช่วงอายุระหว่าง
6-22 ปี ซึ่งเป็นวัยที่ควรจะได้รับการอบรมสั่งสอน
อย่างใกล้ชิดจากครอบครัว ทั้งนี้ เพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับสภาพปัญหาของครอบครัวไทยในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งตามเมืองใหญ่
ในแต่ละภาคของประเทศ การตระหนักถึงสถานการณ์ปัญหาเยาวชนไทยในปัจจุบันของผู้ที่เป็นพ่อแม่
ความเชื่อมั่นต่อแนวทางการแก้
ปัญหาของเยาวชนไทยโดยการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมผ่านระบบครอบครัว บทบาทหน้าที่
วิธีการ และการให้เวลาในการอบรมปลูกฝัง
คุณธรรมจริยธรรมแก่เยาวชน รวมถึงปัญหาอุปสรรคที่พบ เพื่อสะท้อนมุมมองของผู้ที่เป็นพ่อแม่ให้สังคมได้รับรู้
และเพื่อให้หน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางดำเนินงานเพื่อส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้มีความเข้มแข็งและมีศักยภาพในการบ่มเพาะ
เยาวชนที่ดีออกสู่สังคมต่อไป |
|
วัตถุประสงค์ของการสำรวจ :. |
|
เพื่อทราบข้อมูลเกี่ยวกับ
• ปัญหาสำคัญที่ครอบครัวไทยโดยเฉพาะในเมืองใหญ่กำลังประสบอยู่
• ปัญหาที่น่าเป็นห่วงของเยาวชนไทยในสายตาพ่อแม่
• ความเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาโดยการอบรมปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมผ่านระบบครอบครัว
• บทบาทหน้าที่ การให้เวลา และวิธีการที่ใช้ในการอบรมสั่งสอนลูกของพ่อแม่ในปัจจุบัน
• ปัญหาอุปสรรคในการอบรมปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้กับลูก |
|
ระเบียบวิธีการสำรวจ : |
|
การสุ่มตัวอย่าง |
|
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างพ่อแม่ที่มีลูกอายุระหว่าง
6-22 ปีในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดหัวเมืองใหญ่
ในแต่ละภาค ได้แก่ เชียงใหม่ นครราชสีมา สงขลา และชลบุรี ตามสัดส่วนจำนวนครัวเรือนในแต่ละจังหวัด
ได้ตัวอย่างทั้งสิ้น
1,533 คน เป็นชายร้อยละ 44.1 หญิงร้อยละ 55.9
กลุ่มตัวอย่างมีอายุ
ต่ำกว่า 30 ปี ร้อยละ 10.7 อายุ 31-40 ปี ร้อยละ 39.4 อายุ 41-50 ปี
ร้อยละ 38.5
และอายุมากกว่า 50 ปี ร้อยละ 11.4
กลุ่มตัวอย่างมีการศึกษาระดับประถมศึกษา
ร้อยละ 21.4 มัธยมศึกษา/ปวช. ร้อยละ 25.7 ปวส./อนุปริญญา
ร้อยละ 18.8 ปริญญาตรี ร้อยละ 29.7 และสูงกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 4.4
กลุ่มตัวอย่างประกอบอาชีพรับราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ
ร้อยละ 26.7 ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 28.0
รับจ้างทั่วไป ร้อยละ 13.9 พนักงานลูกจ้างบริษัทเอกชน ร้อยละ 16.6 พ่อบ้าน/แม่บ้าน
ร้อยละ 10.9 เกษตรกร ร้อยละ 3.0
และอื่นๆ อีกร้อยละ 0.9 |
|
ความคลาดเคลื่อน
(Margin of Error) : ในการประมาณการขนาดตัวอย่างใช้ความคลาดเคลื่อน
+- 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% |
|
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
: .การเก็บข้อมูลใช้แบบสอบถาม และสัมภาษณ์ความคิดเห็นของประชากรเป้าหมายที่สุ่มได้
จากนั้นนำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูล
ก่อนนำไป
ลงรหัสป้อนข้อมูลและประมวลผลต่อไป |
|
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล
: . 16 – 19 มีนาคม 2548 |
|
วันที่เผยแพร่ข้อมูล
: . 4 เมษายน 2548 |
|
สำรวจโดย
: ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โทร. 0-2350-3500
ต่อ 1776 http://research.bu.ac.th/poll/poll_list.php |
|
ผลการสำรวจ : |
|
1. ปริมาณครอบครัวที่ระบุว่ามีปัญหาอยู่ในปัจจุบันมีถึงร้อยละ
79.8 หรือประมาณ 4 ใน 5
โดยครอบครัวที่ระบุว่า ไม่มีปัญหามีเพียงร้อยละ 20.2 หรือ1 ใน 5 เท่านั้น
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเป็นรายจังหวัด พบว่า
จังหวัดที่ระบุว่ามีปัญหาครอบครัวมากที่สุด
ได้แก่
เชียงใหม่ (ร้อยละ 87.7) รองลงมา คือ นครราชสีมา (ร้อยละ 82.7)
กรุงเทพฯ (ร้อยละ 79.7) ชลบุรี (ร้อยละ 76.8)
ส่วนสงขลา เป็นจังหวัดซึ่งมีปัญหาครอบครัวน้อยที่สุด (ร้อยละ 66.7) |
|
2. ปัญหาสำคัญที่ครอบครัวประสบอยู่ในปัจจุบัน
อันดับแรกได้แก่ ปัญหาการเงิน (ร้อยละ 33.0)
รองลงมาได้แก่ ปัญหาการไม่มีเวลาให้กัน (ร้อยละ 17.5) ปัญหาความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว
(ร้อยละ 10.0) ปัญหา
เรื่องความประพฤติของลูก (ร้อยละ 8.2) ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย (ร้อยละ
5.9) และปัญหาสุขภาพ (ร้อยละ 5.2) ขณะที่
ร้อยละ 20.2 ระบุว่า ไม่มีปัญหาครอบครัว
ในส่วนของปัญหาหลักๆ ที่ครอบครัวประสบอยู่นั้นจะพบว่าเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันจนแทบ
จะเรียกได้ว่าเป็นปัญหาเดียวกัน เพียงแต่แสดงผลออกมาต่างกันตามระยะเวลาของการสั่งสมปัญหาเท่านั้น
กล่าวคือเมื่อ
ครอบครัวประสบปัญหาด้านการเงินก็จำเป็นที่พ่อแม่จะต้องดิ้นรนทำงานเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัวให้มากขึ้น
ทำให้เกิดปัญหาไม่มีเวลาให้กันตามมา อันส่งผลมาถึงปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว
และปัญหาความประพฤติ
ของลูกในที่สุด |
|
3.
สำหรับปัญหาที่น่าเป็นห่วงของเยาวชนไทยในปัจจุบันในสายตาพ่อแม่
ได้แก่ ปัญหายาเสพติด
(ร้อยละ 35.8) รองลงมาได้แก่ ปัญหาพฤติกรรมทางเพศ (ร้อยละ 23.2)
ปัญหาเรื่องความประพฤติ เช่น เที่ยวกลางคืน
การแต่งกาย ใช้จ่าย เกินตัว และพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง (ร้อยละ 23.1)
ปัญหาติดเกม การพนัน และภัยทางอินเทอร์เน็ต
(ร้อยละ 13.7) และ ปัญหาเรื่องการเรียน(ร้อยละ 4.2)
จะเห็นได้ว่าปัญหาเรื่องการเรียนซึ่งน่าจะเป็นเรื่องหลักของเยาวชน
และเป็นปัญหาใหญ่ที่พ่อแม่ยุคก่อน
เคยเป็นห่วงลูกกลับกลายเป็นปัญหาอันดับสุดท้ายที่พ่อแม่ในปัจจุบันเป็นห่วงกังวล
แต่หันไปเป็นห่วงในปัญหาอันเกี่ยวเนื่อง
มาจากสภาพสังคมแวดล้อมมากกว่า |
|
4. เมื่อถามว่าการอบรมสั่งสอนเพื่อปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมจากครอบครัวจะช่วยแก้ปัญหาของเยาวชนไทย
ได้หรือไม่ พบว่า พ่อแม่ส่วนใหญ่
คือร้อยละ 93.5 เชื่อว่าการอบรมสั่งสอนจากครอบครัวจะช่วยแก้ปัญหา
ของเยาวชนได้ มีเพียงร้อยละ 6.5 ที่ไม่เชื่อเช่นนั้นโดยให้เหตุผลว่า
ลูกเชื่อเพื่อนมากกว่าพ่อแม่ (ร้อยละ 3.6) ปัจจุบัน
มีสิ่งล่อใจให้เยาวชนหลงผิดอยู่มากและมีอิทธิพลมากกว่าคำสั่งสอนของพ่อแม่
(ร้อยละ 1.9) พ่อแม่ในปัจจุบันไม่ค่อยมีเวลา
อยู่กับลูกจึงไม่สามารถอบรมสั่งสอนได้ (ร้อยละ 0.7) และการอบรมสั่งสอนจากครอบครัวอย่างเดียวแก้ปัญหาเยาวชนไม่ได้
ต้องให้หน่วยอื่นในสังคมร่วมมือด้วย เช่น โรงเรียน และสื่อต่างๆ (ร้อยละ
0.3) |
|
5. สำหรับคำถามที่ว่า ทุกวันนี้การอบรมสั่งสอนลูกเป็นหน้าที่ของใครในครอบครัว
ร้อยละ 89.1
ระบุว่าเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ร้อยละ 6.4 เป็นหน้าที่ของญาติผู้ใหญ่
ร้อยละ 4.0 เป็นหน้าที่ของทุกคนในครอบครัว และ
ร้อยละ 0.3 ระบุว่า เป็นหน้าที่ของบุคคลอื่น ได้แก่ พี่เลี้ยง และครู/อาจารย์ |
|
6. วิธีที่ใช้ในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้กับลูก
อันดับแรก ใช้การพูดอบรมสั่งสอน
(ร้อยละ 49.6) รองลงมา ใช้การปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี (ร้อยละ
36.8) ใช้การให้รางวัล/ การลงโทษ (ร้อยละ 6.6)
ให้ดูบุคคลอื่นเป็นตัวอย่าง (ร้อยละ 6.2) และใช้วิธีการอื่น เช่น ใช้หลักศาสนา
พาเข้าวัด (อีกร้อยละ 0.8) |
|
7. วิธีการลงโทษเมื่อลูกทำความผิด ส่วนใหญ่ลงโทษโดยการว่ากล่าวตักเตือน
(ร้อยละ 77.6)
รองลงมาใช้การตี ร้อยละ (9.7) ตัดเงินค่าใช้จ่ายและค่าขนม (ร้อยละ
5.0) ไม่พูดด้วย (ร้อยละ 4.5) ไม่ลงโทษ (ร้อยละ 2.6)
และใช้วิธีให้ทำคุณไถ่โทษ (ร้อยละ 0.6) |
|
8. วิธีการให้รางวัลเมื่อลูกทำความดี
ส่วนใหญ่ให้คำชมเชย (ร้อยละ 52.1) รองลงมาให้รางวัลเป็นสิ่งของ
(ร้อยละ 15.7) พาไปเที่ยว (ร้อยละ 14.8) ให้เงิน (ร้อยละ 6.5) ให้ลูกเลือกเองว่าอยากได้อะไร
(ร้อยละ 5.5) และไม่ให้รางวัล
(ร้อยละ 5.4) |
|
9. เมื่อถามว่าทุกวันนี้พ่อแม่มีเวลาได้อบรมสั่งสอนลูกมากน้อยเพียงใด
ปรากฎว่า พ่อแม่ ร้อยละ 75.5 หรือ
ประมาณ 3 ใน 4 ระบุว่ามีเวลาได้อบรมสั่งสอนลูกค่อนข้างน้อยถึงน้อย
มีเพียงร้อยละ 24.5 หรือ ประมาณ
1 ใน 4 ที่ระบุว่ามีเวลาได้อบรมสั่งสอนลูกค่อนข้างมากถึงมาก |
|
10. อุปสรรคสำคัญในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้กับลูก
อันดับแรก คือพ่อแม่ไม่มีเวลาอยู่กับลูก
(ร้อยละ 35.3) รองลงมาคือ ลูกเชื่อเพื่อนมากกว่าพ่อแม่ (ร้อยละ24.9)
สื่อสร้างค่านิยมที่ขัดแย้งกับคำสอนของพ่อแม่
(ร้อยละ 23.3) ไม่ได้รับความร่วมมือจากคนในครอบครัว (ร้อยละ 5.5) พ่อแม่ไม่สามารถปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่างที่ดีได้
(ร้อยละ 4.2) และพ่อกับแม่มีความคิดเห็นไม่ตรงกันในการอบรมสั่งสอนลูก
(ร้อยละ 3.5) ในขณะที่ ร้อยละ 3.3 ระบุว่า
ไม่มีอุปสรรคใดๆ |
|
บทสรุปและวิเคราะห์
: |
|
ผลการสำรวจสรุปได้ว่าพ่อแม่ในปัจจุบันยังคงเชื่อมั่นว่าการอบรมเพื่อปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมจากครอบครัว
จะช่วยแก้ปัญหาของเยาวชนไทยได้ แต่อุปสรรคสำคัญคือการที่พ่อแม่ไม่มีเวลาอยู่กับลูกทำให้ลูกหันไปเชื่อเพื่อนมากกว่า
นอกจากนี้สื่อยังสร้างค่านิยมที่ขัดแย้งกับคำสอนของพ่อแม่ ดังนั้น
แนวทางในการส่งเสริมให้ครอบครัวมีโอกาสได้ทำ
หน้าที่อย่างเข้มแข็งในการบ่มเพาะคุณธรรมจริยธรรมแก่เยาวชนจึงควรมีการดำเนินการใน
3 ส่วน ดังนี้
1. ควรมีการรณรงค์สร้างทัศนคติที่เหมาะสมแก่พ่อแม่
โดยชี้ให้เห็นว่าวัตถุเงินทองไม่ใช่องค์ประกอบสำคัญ
ที่สุดที่จะทำให้ครอบครัวมีความสุข ดังนั้นแทนที่จะจะมุ่งหน้าหาเงินเพื่อสร้างฐานะอย่างเดียว
ควรจะต้องรู้จักสร้าง
สมดุลให้กับชีวิตโดยการประหยัดและใช้เงินให้เป็นด้วยเพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น
2. ควรมีการปรับเปลี่ยนวิธีการในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมแก่ลูกให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ที่พ่อแม่ลูกมีเวลาอยู่ด้วยกันไม่มากนัก โดยเน้นวิธีการที่ลูกสามารถซึมซับได้โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาให้มากขึ้น
อาทิ การประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี หรือการลงโทษเมื่อลูกทำความผิดด้วยวิธีการให้ทำคุณไถ่โทษ
ซึ่งมีผลต่อเนื่อง
เกี่ยวพันดีกว่าการพูดอบรมสั่งสอนแต่เพียงอย่างเดียวที่บรรดาลูกๆ ทั้งหลายอาจมองว่าเป็นเพียงการบ่นที่น่ารำคาญและ
ไม่สนใจที่จะฟัง
3. ควรมีการปฏิรูปสื่อ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรทัศน์ซึ่งเป็นสื่อที่นับได้ว่าใกล้ชิดกับเยาวชนมากที่สุด
โดยพ่อแม่
ควรมีสื่อเป็นพวกไม่ใช่เป็นฝ่ายตรงข้ามหรือศัตรูในบ้านที่คอยให้ข้อมูลและสร้างค่านิยมที่ขัดแย้งกับคำสอนของพ่อแม่
อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน |
|
|
|
|
|
ตารางแสดงการประมวลผลข้อมูล |
|
|
|
|
|
ตารางที่
1 : ข้อมูลประชากรศาสตร์ |
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
เพศ : |
ชาย |
676 |
44.1 |
หญิง |
857 |
55.9 |
อายุ : |
ต่ำกว่า
30 ปี |
164 |
10.7 |
31
- 40 ปี |
604 |
39.4 |
41
- 50 ปี |
591 |
38.5 |
มากกว่า
50 ปี |
174 |
11.4 |
การศึกษา : |
ประถมศึกษา |
328 |
21.4 |
มัธยมศึกษา
/ ปวช. |
394 |
25.7 |
ปวส.
/ อนุปริญญา |
288 |
18.8 |
ปริญญาตรี |
455 |
29.7 |
สูงกว่าปริญญาตรี |
68 |
4.4 |
อาชีพ : |
ข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ |
409 |
26.7 |
ค้าขาย / ธุรกิจส่วนตัว |
429 |
28.0 |
รับจ้างทั่วไป |
213 |
13.9 |
พนักงาน
/ ลูกจ้างบริษัทเอกชน |
255 |
16.6 |
พ่อบ้าน
/ แม่บ้าน |
167 |
10.9 |
เกษตรกร |
46 |
3.0 |
อื่น
ๆ |
14 |
0.9 |
|
|
|
|
|
|
ตารางที่ 2 : ปริมาณครอบครัวที่ระบุว่ามีปัญหาอยู่ในปัจจุบัน |
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
มีปัญหา |
1224 |
79.8 |
ไม่มีปัญหา |
309 |
20.2 |
รวม |
1533 |
100 |
|
|
|
ตารางที่ 2.1 : เปรียบเทียบปริมาณครอบครัวที่มีปัญหาในแต่ละจังหวัด
|
|
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
เชียงใหม่ |
184 |
87.7 |
นครราชสีมา |
220 |
82.7 |
กรุงเทพฯ |
596 |
79.7 |
ชลบุรี |
136 |
76.8 |
สงขลา |
88 |
66.7 |
เฉลี่ยรวม |
1224 |
79.8 |
|
|
|
|
|
|
ตารางที่ 3 : ปัญหาสำคัญที่ครอบครัวประสบอยู่ |
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
ปัญหาการเงิน |
506 |
33.0 |
ปัญหาการไม่มีเวลาให้กัน |
269 |
17.5 |
ปัญหาความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว |
153 |
10.0 |
ปัญหาเรื่องความประพฤติของลูก |
126 |
8.2 |
ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย |
91 |
5.9 |
ปัญหาสุขภาพ |
79 |
5.2 |
ไม่มีปัญหา |
309 |
20.2 |
รวม |
1553 |
100 |
|
|
|
|
|
|
ตารางที่ 4 : ปัญหาที่น่าเป็นห่วงของเยาวชนไทยในปัจจุบันในสายตาพ่อแม่
|
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
ปัญหายาเสพติด |
549 |
35.8 |
ปัญหาพฤติกรรมทางเพศ |
356 |
23.2 |
ปัญหาเรื่องความประพฤติ เช่น
เที่ยวกลางคืน การแต่งกาย ใช้จ่ายเกินตัว
และพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง |
354 |
23.1 |
ปัญหาติดเกม การพนัน และภัยทางอินเทอร์เน็ต |
210 |
13.7 |
ปัญหาด้านการเรียน |
64 |
4.2 |
รวม |
1553 |
100 |
|
|
|
|
|
|
ตารางที่ 5 : ความเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาของเยาวชนโดยการอบรมปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม
ผ่านระบบครอบครัว |
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
เชื่อว่าการอบรมสั่งสอนจากครอบครัวจะช่วยแก้ปัญหาของเยาวชนไทยได้ |
1433 |
93.5 |
ไม่เชื่อว่าการอบรมสั่งสอนจากครอบครัวจะช่วยแก้ปัญหาของเยาวชนไทยได้ |
100 |
6.5 |
เนื่องจาก |
จำนวน |
ร้อยละ |
|
-
ลูกเชื่อคนอื่นมากกว่าพ่อแม่ |
56 |
3.6 |
-
ปัจจุบันมีสิ่งล่อใจให้เยาวชนหลงผิดอยู่มาก และมีอิทธิพลมากกว่าคำสั่งสอนของพ่อแม่ |
28 |
1.9 |
-
พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับลูก |
11 |
0.7 |
-
การอบรมสั่งสอนจากครอบครัวอย่างเดียว แก้ปัญหาเยาวชนไม่ได้ต้องให้หน่วยอื่น
ในสังคมร่วมมือด้วย
เช่น โรงเรียน และสื่อ
|
5 |
0.3 |
รวม |
1553 |
100 |
|
|
|
|
|
|
ตารางที่ 6 : ทุกวันนี้การอบรมสั่งสอนลูกเป็นหน้าที่ของใครในครอบครัว
|
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
พ่อ แม่ |
1367 |
89.1 |
ญาติผู้ใหญ่ |
98 |
6.4 |
ทุกคนในครอบครัว |
61 |
4.0 |
พี่เลี้ยง |
7 |
0.5 |
รวม |
1553 |
100 |
|
|
|
ตารางที่ 7 : วิธีที่ใช้ในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้กับลูก |
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
ใช้การพูดอบรมสั่งสอน |
760 |
49.6 |
ใช้การปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี |
565 |
36.8 |
ใช้การให้รางวัล/การลงโทษ |
101 |
6.6 |
ให้ดูบุคคลอื่นเป็นตัวอย่าง |
95 |
6.2 |
อื่นๆ เช่นใช้หลักศาสนา พาเข้าวัด |
12 |
0.8 |
รวม |
1553 |
100 |
|
|
|
ตารางที่ 8 : วิธีการลงโทษเมื่อลูกทำความผิด |
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
ว่ากล่าวตักเตือน |
1190 |
77.6 |
ตี |
149 |
9.7 |
ตัดเงินค่าใช้จ่าย ค่าขนม |
77 |
5.0 |
ไม่พูดด้วย |
69 |
4.5 |
ไม่ลงโทษ |
38 |
2.6 |
ให้ทำคุณไถ่โทษ |
10 |
0.6 |
รวม |
1553 |
100 |
|
|
|
ตารางที่ 9 : วิธีการให้รางวัลเมื่อลูกทำความดี |
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
ให้คำชมเชย |
798 |
52.1 |
ให้เงินและสิ่งของ |
340 |
22.2 |
พาไปเที่ยว |
226 |
14.8 |
ให้ลูกเลือกเองว่าอยากได้อะไร |
86 |
5.5 |
ไม่ให้รางวัล |
83 |
5.4 |
รวม |
1553 |
100 |
|
|
|
ตารางที่ 10 : ทุกวันนี้พ่อแม่มีเวลาได้อบรมสั่งสอนลูกมากน้อยเพียงใด |
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
มีเวลาได้อบรมสั่งสอนค่อนข้างมากถึงมาก |
376 |
24.5 |
มีเวลาได้อบรมสั่งสอนค่อนข้างน้อยถึงน้อย
|
1157 |
75.5 |
รวม |
1553 |
100 |
|
|
|
ตารางที่ 11 : อุปสรรคสำคัญในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้กับลูก |
|
|
|
จำนวน |
ร้อยละ |
พ่อแม่ไม่มีเวลาอยู่กับลูก |
539 |
35.3 |
ลูกเชื่อเพื่อนมากกว่าพ่อแม่ |
382 |
24.9 |
สื่อสร้างค่านิยมที่ขัดแย้งกับคำสอนของพ่อแม่ |
357 |
23.3 |
ไม่ได้รับความร่วมมือจากคนในครอบครัว |
85 |
5.5 |
พ่อแม่ไม่สามารถปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่างที่ดีได้ |
65 |
4.2 |
พ่อกับแม่มีความคิดเห็นไม่ตรงกันในการอบรมสั่งสอนลูก |
54 |
3.5 |
ไม่มีอุปสรรค |
51 |
3.3 |
รวม |
1553 |
100 |
|
|
|
|
สามารถทำการ
Vote ได้วันละ 1 ครั้ง |
Connect to DB
Download
document file : ( %EF%BF%BD%EF%BF%BD%C3%BB%EF%BF%BD%D9%A1%EF%BF%BD%D1%A7%EF%BF%BD%D8%B3%EF%BF%BD%EF%BF%BD%EF%BF%BD%EF%BF%BD%EF%BF%BD%EF%BF%BD%EF%BF%BD%C2%B8%EF%BF%BD%EF%BF%BD%EF%BF%BD%E3%B9%A4%EF%BF%BD%CD%BA%EF%BF%BD%EF%BF%BD%EF%BF%BD%C7%A2%CD%A7%EF%BF%BD%EF%BF%BD%EF%BF%BD%EF%BF%BD%EF%BF%BD%EF%BF%BD%E3%B9%BB%D1%A8%EF%BF%BD%D8%BA%D1%B9 ) |
|
|
โทร. 0-2350-3500 ต่อ
1776
|
|