หัวข้อ   “แฟนบอลคิดอย่างไรกับการพัฒนาฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก”
                 ด้วยวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้เป็นวันเปิดฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) จึงได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนอายุ 15 ปี
ขึ้นไปในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล   ที่ติดตามการแข่งขันในฤดูกาล 2010 ที่ผ่านมา จำนวน
ทั้งสิ้น 1,136 คน พบว่า
ดีมาก (5)
ดี (4)
ปานกลาง (3)
พอใช้ (2)
แย่ (1)
 
 
 
                 แฟนบอลร้อยละ 47.4 เห็นว่าภาพรวมของฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2010
ที่ผ่านมามีการพัฒนาค่อนข้างน้อย  โดยด้านที่แฟนบอลเห็นว่ามีการพัฒนามากที่สุดอันดับแรก
ได้แก่  ด้านการประชาสัมพันธ์และการถ่ายทอดสด (ร้อยละ 15.0)   รองลงมาคือ โปรแกรม
และรูปแบบจัดการแข่งขันของบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก (ร้อยละ 8.8)   และมาตรฐานของสนาม
ฟุตบอล (ร้อยละ 8.6) ส่วนด้านที่แฟนบอลเห็นว่ายังไม่พัฒนาเลยอันดับแรกได้แก่  มารยาท
ของแฟนบอล (ร้อยละ 37.9)   รองลงมาคือ  ระบบรักษาความปลอดภัยในสนามและการ
ควบคุมแฟนบอล (ร้อยละ 31.1)  และมาตรฐานการตัดสินของผู้ตัดสินและผู้ช่วยผู้ตัดสิน
(ร้อยละ 11.3)   สำหรับการติดตามชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2011
พบว่า  ร้อยละ 81.4 จะติดตาม  มีเพียงร้อยละ 18.6 ที่จะไม่ติดตาม
 
                 เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อระบบรักษาความปลอดภัยในสนามฟุตบอลของฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก 2011
พบว่า แฟนบอลส่วนใหญ่ร้อยละ 79.3 เชื่อมั่นค่อนข้างน้อยถึงไม่เชื่อมั่นเลย  เมื่อสอบถามว่า เหตุการณ์แฟนบอลตีกัน
เมื่อปีที่ผ่านมา  มีผลทำให้ไม่อยากไปชมฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก 2011  ที่สนามหรือไม่  ปรากฎว่า แฟนบอลร้อยละ 71.9
ระบุว่ามีผล   มีเพียงร้อยละ 28.1 ที่ระบุว่าไม่มีผล  ส่วนความเห็นของแฟนบอลต่อสาเหตุหลักที่ทำให้ แฟนบอลตีกัน
อันดับแรกพบว่า  นักเตะไม่มีน้ำใจนักกีฬา ไม่รู้แพ้รู้ชนะ ไม่รับฟังคำตัดสิน (ร้อยละ 40.5)   รองลงมาคือ การยั่วยุจาก
กองเชียร์แต่ละฝ่าย (ร้อยละ 23.5)   และการดื่มสุรา ของมึนเมา (ร้อยละ 16.6)   ขณะที่สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกเพื่อ
แก้ปัญหาแฟนบอลตีกันได้แก่  จัดหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสนามให้เพียงพอ (ร้อยละ 22.7)   ห้ามแฟนบอล
นำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในสนามแข่งขัน (ร้อยละ 19.4)   และแยกพื้นที่กองเชียร์ออกจากกันให้ชัดเจน (ร้อยละ 17.6)
   
                 แฟนบอลส่วนใหญ่ร้อยละ 56.5 เห็นว่าการที่นักการเมืองเข้ามามีบทบาทในฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกจะส่งผลดี
ต่อการพัฒนาฟุตบอลลีกของไทย  โดยให้เหตุผลว่าจะทำให้ฟุตบอลลีกพัฒนาเร็วขึ้น มีเงินทุนสนับสนุนจำนวนมากมาพัฒนา
ทีมฟุตบอล  พัฒนาสนาม  และช่วยในเรื่องการประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกมากขึ้น  ส่วนเรื่องการเปิดโต๊ะ
พนันบอลแบบถูกกฎหมายนั้น  แฟนบอลส่วนใหญ่ ร้อยละ 58.6  เชื่อว่าจะไม่ช่วยให้ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกพัฒนาได้อย่าง
รวดเร็วเหมือนกับพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ    ในขณะที่ร้อยละ 41.4 เชื่อว่าจะช่วยได้   โดยในจำนวนนี้มากกว่า 1 ใน 3
เป็นกลุ่มเยาวชนอายุ 15-25 ปี
 
                 สำหรับทีมที่แฟนบอลคาดว่าจะคว้าแชมป์ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011  อันดับแรกได้แก่
ทีมเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด (ร้อยละ 30.9)   รองลงมาคือ ทีมชลบุรีเอฟซี (ร้อยละ 27.6)    ทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ
(ร้อยละ 18.2)   ทีมบางกอกกล๊าสเอฟซี (ร้อยละ 7.4)    และทีมการท่าเรือ เอฟซี (ร้อยละ 7.4)  ตามลำดับ
 
                 ทั้งนี้  เมื่อสอบถามความเห็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย  ว่าจะสามารถช่วย
พัฒนาวงการฟุตบอลไทยให้ดีขึ้นได้หรือไม่   แฟนบอลร้อยละ 45.7 ระบุว่าไม่แน่ใจ   ขณะที่ร้อยละ 35.4 เชื่อว่าได้   และ
ร้อยละ 18.9 เชื่อว่าไม่ได้
 
                 โปรดพิจารณารายละเอียดดังต่อไปนี้
 
 
             1. การพัฒนาในแต่ละด้านของฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2010 ที่ผ่านมา พบว่า

ด้าน
มีการพัฒนา
มาก
(ร้อยละ)
ค่อนข้างมาก
(ร้อยละ)
ค่อนข้างน้อย
(ร้อยละ)
ไม่พัฒนาเลย
(ร้อยละ)
ทักษะ มารยาท และความเป็นมือ
อาชีพของนักฟุตบอล
6.0
30.8
52.4
10.8
มาตรฐานของสนามฟุตบอล
8.6
40.3
44.6
6.5
มาตรฐานการตัดสินของผู้ตัดสิน
และผู้ช่วยผู้ตัดสิน
4.2
30.0
54.5
11.3
มารยาทของแฟนบอล
2.8
13.0
46.3
37.9
การประชาสัมพันธ์และการถ่ายทอดสด
15.0
42.1
37.1
5.8
ระบบรักษาความปลอดภัยในสนาม
และการควบคุมแฟนบอล
2.5
8.9
57.5
31.1
โปรแกรมและรูปแบบจัดการแข่งขัน
ของบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก
8.8
44.7
39.6
6.9
ภาพรวมเฉลี่ย
6.8
30.0
47.4
15.8
 
 
             2. การติดตามชมถ่ายทอดสดฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก 2011 พบว่า

 
ร้อยละ
ติดตามชมการถ่ายทอดสด โดย
- ติดตามชมทุกอาทิตย์ ร้อยละ 21.1
- ติดตามชมเฉพาะคู่ใหญ่ๆ เจอกัน ร้อยละ 28.7
- ติดตามชมเฉพาะทีมใหญ่ๆ ลงแข่ง ร้อยละ 15.2
- ติดตามชมเฉพาะทีมที่เชียร์ ร้อยละ 16.4
81.4
ไม่ติดตามชมการถ่ายทอดสด โดยให้เหตุผลว่า
- ติดตามเฉพาะข่าว ผลการแข่งขัน
  ทางทีวี นสพ. อินเทอร์เน็ต
ร้อยละ 16.7
- ฟุตบอลลีกไทยยังไม่มีการพัฒนา
  ยังไม่ได้มาตรฐาน ดูไม่สนุก
ร้อยละ  1.7
- ไม่มีเวลา ต้องทำงาน ร้อยละ  0.2
18.6
 
 
             3. ความเชื่อมั่นต่อระบบรักษาความปลอดภัยในสนามฟุตบอลของฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก
                 2011 พบว่า


 
ร้อยละ
เชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงเชื่อมั่นมาก
โดยแบ่งเป็น - เชื่อมั่นมาก ร้อยละ  3.3
  - เชื่อมั่นค่อนข้างมาก ร้อยละ 17.4
20.7
เชื่อมั่นค่อนข้างน้อยถึงไม่เชื่อมั่นเลย
โดยแบ่งเป็น - เชื่อมั่นค่อนข้างน้อย ร้อยละ 59.7
  - ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ 19.6
79.3
 
 
             4. เหตุการณ์แฟนบอลตีกันเมื่อปีที่ผ่านมา มีผลทำให้ท่านไม่อยากไปชมฟุตบอลสปอนเซอร์
                 ไทยพรีเมียร์ลีก 2011 ณ สนามฟุตบอล หรือไม่


 
ร้อยละ
มีผล
71.9
ไม่มีผล
28.1
 
 
             5. ความคิดเห็นต่อสาเหตุหลักที่ทำให้แฟนบอลตีกัน พบว่า

 
ร้อยละ
นักเตะไม่มีน้ำใจนักกีฬา ไม่รู้แพ้รู้ชนะ ไม่รับฟังคำตัดสิน
40.5
การยั่วยุจากกองเชียร์แต่ละฝ่าย
23.5
การดื่มสุรา ของมึนเมา
16.6
การทำหน้าที่ของผู้ตัดสินและผู้ช่วยผู้ตัดสินไม่ได้มาตรฐาน
15.1
การติดสินบนผู้ตัดสินเพื่อล็อคผลการแข่งขัน
4.3
 
 
             6. สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกเพื่อแก้ปัญหาแฟนบอลตีกัน พบว่า

 
ร้อยละ
จัดหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสนามให้เพียงพอ
22.7
ห้ามแฟนบอลนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในสนามแข่งขัน
19.4
แยกพื้นที่กองเชียร์ออกจากกันให้ชัดเจน
17.6
ให้อำนาจตำรวจในการดูแลความสงบเรียบร้อยในสนามฟุตบอล
13.7
ทีมเจ้าบ้านต้องดูแลรับผิดชอบความปลอดภัย ความสงบของ
แฟนบอลตัวเอง
12.5
ยกระดับการตัดสินของผู้ตัดสินและผู้ช่วยผู้ตัดสิน
10.8
ปรับปรุงสนามแข่งขันให้ได้มาตรฐาน มีทางเข้าทางออกที่สะดวก
ไม่แคบเกินไป
3.3
 
 
             7. การที่นักการเมืองเข้ามามีบทบาทในฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก ส่งผลดีหรือผลเสีย
                 มากกว่ากันในการพัฒนาฟุตบอลลีก


 
ร้อยละ
ส่งผลดีมากกว่า
(  โดยให้เหตุผลว่า จะทำให้ฟุตบอลลีกพัฒนาเร็วขึ้น มีเงินทุน
   สนับสนุนจำนวนมากมาพัฒนาทีมฟุตบอล พัฒนาสนามและช่วย
   ในเรื่องการประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก
   มากขึ้น  )
56.5
ส่งผลเสียมากกว่า
(  โดยให้เหตุผลว่า อาจมีการใช้อิทธิพล ทำให้มีผลต่อผู้ตัดสิน
   ผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ส่งผลกระทบต่อผลการแข่งขัน และมีผล
   ประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง  )
43.5
 
 
             8. การเปิดโต๊ะพนันบอลแบบถูกกฎหมาย จะช่วยให้ฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก
                 พัฒนาได้อย่างรวดเร็วเหมือนพรีเมียร์ลีกในอังกฤษหรือไม่


 
ร้อยละ
เชื่อว่าช่วยได้
(  โดยให้เหตุผลว่า สามารถนำรายได้มหาศาลมาพัฒนาฟุตบอล
   ไทยพรีเมียร์ลีกได้ และทำให้คนสนใจติดตามฟุตบอลไทย
   พรีเมียร์ลีกมากขึ้น   )
41.4
เชื่อว่าช่วยไม่ได้

(  โดยให้เหตุผลว่า ประเทศไทยยังมีการบริหารจัดการที่ไม่เป็น
   ระบบ ไม่โปร่งใส มีการทุจริต ไม่เหมือนอย่างประเทศอังกฤษ
   และจะทำให้มีการล้มบอล ล็อคผลการแข่งขัน ติดสินบนผู้ตัดสิน  )

58.6


                        
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเฉพาะกลุ่มผู้ที่เชื่อว่าการเปิดโต๊ะพนันบอลแบบถูกกฎหมาย จะช่วยให้
                 ฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก พัฒนาได้อย่างรวดเร็วเหมือนพรีเมียร์ลีกในอังกฤษ พบว่า


 
ร้อยละ
เป็นผู้ที่มีอายุ 15 - 25 ปี
38.7
26  -35 ปี
36.0
36 ปีขึ้นไป
25.3
 
 
             9. ทีมที่จะคว้าแชมป์ฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก 2011 (5 อันดับแรก) ได้แก่

 
ร้อยละ
เมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด
30.9
ชลบุรีเอฟซี
27.6
บุรีรัมย์ พีอีเอ
18.2
บางกอกกล๊าสเอฟซี
7.4
การท่าเรือ เอฟซี
7.4
 
 
             10. ความคิดเห็นต่อการเปลี่ยนแปลงนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะสามารถช่วย
                 พัฒนาวงการฟุตบอลไทยได้หรือไม่

 
ร้อยละ
เชื่อว่าได้
35.4
เชื่อว่าไม่ได้
18.9
ไม่แน่ใจ
45.7
 
 
รายละเอียดในการสำรวจ
ระเบียบวิธีการสำรวจ:
                  การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปในทุกสาขาอาชีพ ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน
27 เขต จาก 50 เขต ทั้งเขตชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก ได้แก่ คลองเตย คลองสาน จตุจักร ดอนเมือง ดินแดง ทุ่งครุ
ธนบุรี บางกอกน้อย บางกะปิ บางซื่อ บางนา บางบอน บางพลัด บึงกุ่ม ปทุมวัน ประเวศ พระนคร ภาษีเจริญ มีนบุรี ยานาวา
ลาดกระบัง สวนหลวง สาทร สายไหม หนองแขม หนองจอก และหลักสี่ และจังหวัดในเขตปริมณฑลรวม 3 จังหวัด ได้แก่
นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ   ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling)   จากนั้น
ใช้วิธีเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์แบบพบตัว  ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้นจำนวน 1,136 คน เป็นชายร้อยละ 91.9 และหญิง
ร้อยละ 8.1
 
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error):
                  ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน  3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
 
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล:
                  ใช้การสัมภาษณ์แบบพบตัว โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน
โดยเป็นข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal)  และคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุคำตอบเอง  จากนั้นคณะนักวิจัย
ได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
 
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล:  4 - 6 กุมภาพันธ์ 2554
 
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ: 10 กุมภาพันธ์ 2554
 
สรุปข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง:
ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์
 
จำนวน
ร้อยละ
เพศ:    
             ชาย
1,044
91.9
             หญิง
92
8.1
รวม
1,136
100.0
อายุ:
 
 
             15 – 25 ปี
436
38.4
             26 – 35 ปี
389
34.2
             36 ปีขึ้นไป
311
27.4
รวม
1,136
100.0
การศึกษา:
 
 
             ต่ำกว่าปริญญาตรี
658
57.9
             ปริญญาตรี
416
36.6
             สูงกว่าปริญญาตรี
45
4.0
             ไม่ระบุการศึกษา
17
1.5
รวม
1,136
100.0
อาชีพ:
 
 
             ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ
107
9.4
             พนักงาน/ลูกจ้าง บริษัทเอกชน
380
33.5
             ค้าขาย / ประกอบอาชีพส่วนตัว
208
18.3
             รับจ้างทั่วไป
154
13.6
             พ่อบ้าน / แม่บ้าน / เกษียณอายุ
16
1.4
             อื่นๆ อาทิ นักศึกษา อาชีพอิสระ ว่างงาน เป็นต้น
264
23.2
             ไม่ระบุอาชีพ
7
0.6
รวม
1,136
100.0
 
ติดตามกรุงเทพโพลล์ผ่าน twitter ได้ที่  twitter bangkokpoll
Download PDF file:  
 
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)
Email: bangkokpoll@bu.ac.th      โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1770-1776