หัวข้อ   “สุขภาพจิตของคนกรุงในช่วงเริ่มรัฐบาลยิ่งลักษณ์”
 
                 ปัญหาเศรษฐกิจทำคนกรุงเทพฯ เครียด มากกว่าปัญหาน้ำท่วม กลุ่ม
ตัวอย่าง 1 ใน 10 ระบุเริ่มสุขภาพจิตไม่ดี
ดีมาก (5)
ดี (4)
ปานกลาง (3)
พอใช้ (2)
แย่ (1)
 
 
 
                 เนื่องในวันที่ 10 ตุลาคม ที่จะถึงนี้เป็นวันสุขภาพจิตโลก ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัย
กรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) จึงได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “
สุขภาพจิต
ของคนกรุงในช่วงเริ่มรัฐบาลยิ่งลักษณ์
” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป
ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 1,189 คน เมื่อวันที่ 30 กันยายน - 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา
พบว่า
 
                 คนกรุงเทพฯ ระบุเรื่องที่ทำให้ เครียด วิตกกังวล หรือเป็นทุกข์มาก
ที่สุดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (เริ่มรัฐบาลยิ่งลักษณ์) คือ สินค้ามีราคาแพงขึ้น
ค่าครองชีพสูงขึ้น (ร้อยละ 35.7)
  รองลงมาเป็นเรื่อง การจราจรติดขัด (ร้อยละ 8.3)
การเป็นหนี้ เป็นสิน (ร้อยละ 7.9)   กลัวบ้านน้ำท่วม (ร้อยละ 6.4) และกลัวจะไม่ได้ค่าจ้าง
ขั้นต่ำ 300 บาท หรือเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 ตามนโยบายที่รัฐเคยหาเสียงไว้
(ร้อยละ 6.3)  โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 46.2 ให้ความเห็นต่อเรื่องที่ทำ
ให้เครียด วิตกกังวล หรือเป็นทุกข์มากที่สุดในข้างต้นว่ามีสาเหตุมาจากปัญหา
ทางเศรษฐกิจ  ขณะที่ร้อยละ 15.9 ระบุว่ามีสาเหตุมาจากรัฐบาล และร้อยละ 10.3 ระบุว่ามีสาเหตุมาจากตัวเอง
 
                 สำหรับบุคคลที่คนกรุงเทพฯ คิดว่าจะปรึกษาหรือเป็นที่พึ่งทางใจ ในยามเครียด วิตกกังวล หรือ
เป็นทุกข์มากที่สุดคือ คนในครอบครัว (ร้อยละ 57.1)
  รองลงมาเป็น เพื่อน (ร้อยละ 19.5) และคนรัก (ร้อยละ 10.8)
ขณะที่ ร้อยละ 8.6 ไม่ได้ปรึกษาใครและแก้ปัญหาด้วยตนเอง   ทั้งนี้เมื่อถามถึงกิจกรรมที่ทำมากที่สุด เพื่อลด
ความเครียด ความวิตกกังวล หรือเป็นทุกข์ พบว่า ร้อยละ 14.8 ระบุว่ากินข้าวกับครอบครัว  ร้อยละ 14.2
ระบุว่านั่งสมาธิ เข้าวัด ฟังธรรม   และร้อยละ 13.8 ระบุว่าเล่นอินเทอร์เน็ต แชท
 
                 ส่วนความคิดเห็นต่อการไปพบจิตแพทย์เมื่อเกิดความเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า หรือเป็นทุกข์
พบว่า   คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 71.1 คิดว่าจะไม่ไป
  (โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า ไม่มีความเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า
หรือเป็นทุกข์ถึงขนาดที่ต้องไปพบจิตแพทย์)  ขณะที่ร้อยละ 28.9 คิดว่าจะไป
 
                 เมื่อถามว่าปัญหาความเครียด วิตกกังวล หรือเป็นทุกข์ที่ผ่านมา ทำให้ท่านเคยคิดทำร้ายตัวเอง
หรือฆ่าตัวตายบ้างหรือไม่ คนกรุงเทพฯ  ร้อยละ 94.4 ระบุว่าไม่เคยคิด
  มีเพียงร้อยละ 2.9 ระบุว่าเคยคิดทำร้าย
ตัวเอง  และร้อยละ 2.7 ระบุว่าเคยคิดฆ่าตัวตาย
 
                 อย่างไรก็ตามเมื่อถามถึงสุขภาพจิตโดยรวมของคนกรุงเทพฯ พบว่า ร้อยละ 87.8 ระบุว่าตัวเองมี
สุขภาพจิตดี
  มีเพียงร้อยละ 12.2 ที่ระบุว่าตัวเองมีสุขภาพจิตไม่ดี
 
                 โปรดพิจารณารายละเอียดดังต่อนี้
 
             1. เรื่องที่เครียด วิตกกังวล หรือเป็นทุกข์มากที่สุดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (5 อันดับแรก)

 
ร้อยละ
สินค้ามีราคาแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น
35.7
การจราจรติดขัด
8.3
การเป็นหนี้ เป็นสิน
7.9
กลัวบ้านน้ำท่วม
6.4
กลัวจะไม่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท หรือ เงินเดือนปริญญาตรี
15,000 บาท ตามนโยบายที่รัฐเคยหาเสียงไว้
6.3
ไม่มีเรื่องเครียด วิตกกังวล หรือเป็นทุกข์
14.4
 
 
             2. สาเหตุที่ทำให้เครียด วิตกกังวล หรือเป็นทุกข์มากที่สุด (5 อันดับแรก) มีสาเหตุมาจาก

 
ร้อยละ
ปัญหาทางเศรษฐกิจ
46.2
รัฐบาล
15.9
ตัวเอง
10.3
ครอบครัว ญาติพี่น้อง
6.6
เกี่ยวกับงาน หัวหน้างาน หรือเพื่อนร่วมงาน
6.1
 
 
             3. บุคคลที่คิดว่าจะเป็นที่ปรึกษาหรือเป็นที่พึ่งทางใจ ในยามเครียด วิตกกังวล หรือเป็นทุกข์มากที่สุด

 
ร้อยละ
คนในครอบครัว
57.1
เพื่อน
19.5
คนรัก
10.8
พระ
3.0
หมอจิตแพทย์
1.0
ไม่ได้ปรึกษาใคร แก้ปัญหาด้วยตนเอง
8.6
 
 
             4. กิจกรรมที่ทำมากที่สุด (5 อันดับแรก) เพื่อลดความเครียด ความวิตกกังวล หรือเป็นทุกข์

 
ร้อยละ
กินข้าวกับครอบครัว
14.8
นั่งสมาธิ เข้าวัด ฟังธรรม
14.2
เล่นอินเทอร์เน็ต แชท
13.8
ดูหนัง ช้อปปิ้ง
13.4
ออกกำลังกาย
11.6
 
 
             5. ความคิดเห็นต่อการไปพบจิตแพทย์ เมื่อเกิดความเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า หรือเป็นทุกข์ พบว่า 

 
ร้อยละ
คิดว่าจะไป
28.9
คิดว่าจะไม่ไป
โดยให้เหตุผลว่า
  - ไม่มีความเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า หรือเป็นทุกข์
  ถึงขนาดที่ต้องไปพบจิตแพทย์
ร้อยละ 30.6
  - เป็นเรื่องคนผิดปกติ คนบ้า คนโรคจิต ร้อยละ 18.3
  - ไม่รู้จัก และไม่รู้จะไปพบที่ไหน ร้อยละ 11.3
  - ไม่มีเงิน สิ้นเปลือง ร้อยละ 10.9

71.1
 
 
             6. จากปัญหาความเครียด วิตกกังวล หรือเป็นทุกข์ที่ผ่านมา ทำให้ท่านเคยคิดทำร้ายตัวเอง
                 หรือฆ่าตัวตายบ้างหรือไม่

 
ร้อยละ
เคยคิดทำร้ายตัวเอง
2.9
เคยคิดฆ่าตัวตาย
2.7
ไม่เคยคิด
94.4
 
 
             7. ความเห็นต่อสุขภาพจิตของประชาชนในปัจจุบัน พบว่า

 
ร้อยละ
สุขภาพจิตดี
87.8
สุขภาพจิตไม่ดี
12.2
 
 
รายละเอียดในการสำรวจ
ระเบียบวิธีการสำรวจ:
                  การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปในทุกสาขาอาชีพ ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน
30 เขต จาก 50 เขต  ทั้งเขตชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก ได้แก่ คลองเตย คลองสามวา จตุจักร ดอนเมือง ดินแดง ดุสิต
บางกอกน้อย บางกะปิ บางเขน บางคอแหลม บางซื่อ บางนา บางบอน บางพลัด บางรัก บึงกุ่ม ปทุมวัน ประเวศ พญาไท
พระโขนง พระนคร ภาษีเจริญ มีนบุรี ราชเทวี ลาดกระบัง สวนหลวง สะพานสูง สาทร สายไหม และหลักสี่   ด้วยวิธีการ
สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) จากนั้นใช้วิธีเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์แบบพบตัว ได้กลุ่ม
ตัวอย่างทั้งสิ้นจำนวน 1,189 คน เป็นชายร้อยละ 49.9 และหญิงร้อยละ 50.1
 
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error):
                  ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน  3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
 
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล:
                  ใช้การสัมภาษณ์แบบพบตัว โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน
โดยเป็นข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal)  จากนั้นคณะนักวิจัยได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความ
ถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
 
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล:  30 กันยายน - 3 ตุลาคม 2554
 
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ: 7 ตุลาคม 2554
 
สรุปข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง:
ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์
 
จำนวน
ร้อยละ
เพศ:    
             ชาย
593
49.9
             หญิง
596
50.1
รวม
1,189
100.0
อายุ:
 
 
             18 – 25 ปี
313
26.3
             26 – 35 ปี
314
26.4
             36 – 45 ปี
283
23.8
             46 ปีขึ้นไป
279
23.5
รวม
1,189
100.0
การศึกษา:
 
 
             ต่ำกว่าปริญญาตรี
822
69.1
             ปริญญาตรี
301
25.3
             สูงกว่าปริญญาตรี
53
4.5
             ไม่ระบุการศึกษา
13
1.1
รวม
1,189
100.0
อาชีพ:
 
 
             ข้าราชการ / พนักงานรัฐวิสาหกิจ
122
10.3
             พนักงาน / ลูกจ้่าง บริษัทเอกชน
326
27.4
             ค้าขาย / ประกอบอาชีพส่วนตัว
273
23.0
             รับจ้างทั่วไป
221
18.6
             พ่อบ้าน / แม่บ้าน / เกษียณอายุ
87
7.3
             อื่นๆ อาทิ นักศึกษา อาชีพอิสระ ว่างงาน เป็นต้น
160
13.4
รวม
1,189
100.0
 
ติดตามกรุงเทพโพลล์ผ่าน twitter ได้ที่  twitter bangkokpoll
Download PDF file:  
 
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)
Email: bangkokpoll@bu.ac.th      โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1770-1776