analyticstracking
หัวข้อ   “ ปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียงในประเทศไทยรุนแรงเพียงใด
ประชาชนเกือบครึ่งเคยพบเห็นการซื้อสิทธิ์ขายเสียงทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ
ชี้ภาคใต้เป็นภาคที่ประชาชนพบเห็นการซื้อสิทธิ์ขายเสียงมากที่สุด ส่วน กทม.พบเห็นน้อยสุดแต่ยังมีมากถึง 1 ใน 4
 
 
 
ดีมาก (5)
ดี (4)
ปานกลาง (3)
พอใช้ (2)
แย่ (1)
 
 
                 เพื่อเป็นข้อมูลประกอบปฏิรูปการเลือกตั้งของประเทศไทย รวมถึงเพื่อให้
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียง กรุงเทพโพลล์
โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ จึงได้สำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “ปัญหา
การซื้อสิทธิ์ขายเสียงในประเทศไทยรุนแรงเพียงใด” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชน
จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,192 คน พบว่า
 
                  ในภาพรวมประชาชนร้อยละ 57.0 ไม่เคยพบเห็นการซื้อสิทธิ์
ขายเสียงในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2554 ที่ผ่านมา
ขณะที่ร้อยละ 43.0 เคยพบเห็น
โดยเมื่อแยกพิจารณาแต่ละภูมิภาคพบว่า ภาคใต้เป็นภาคที่ประชาชนเคยพบเห็น
การซื้อสิทธิ์ขายเสียงมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 51.0
รองลงมาเป็นภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ (เคยพบเห็นร้อยละ 49.1)
ส่วนภาคอื่นๆ มีดังนี้
  ภาคกลาง เคยพบเห็นร้อยละ 45.9 ขณะที่ร้อยละ 54.1 ไม่เคยพบเห็น
  ปริมณฑล เคยพบเห็นร้อยละ 45.3 ขณะที่ร้อยละ 54.7 ไม่เคยพบเห็น
  ภาคตะวันออก เคยพบเห็นร้อยละ 40.2 ขณะที่ร้อยละ 59.8 ไม่เคยพบเห็น
  ภาคเหนือ เคยพบเห็นร้อยละ 36.9 ขณะที่ร้อยละ 63.1 ไม่เคยพบเห็น
  กรุงเทพมหานคร เคยพบเห็นร้อยละ 27.4 ขณะที่ร้อยละ72.6 ไม่เคยพบเห็น
 
                 ส่วนการเลือกตั้งท้องถิ่น เช่น อบต. อบจ. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นับจาก ปี 2554 เป็นต้นมา พบว่า
ในภาพรวมประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 50.1 ไม่เคยพบเห็น
ขณะที่ร้อยละ 49.9 เคยพบเห็น โดยเมื่อแยกพิจารณา
แต่ละภูมิภาคพบว่า ภาคใต้เป็นภาคที่ประชาชนเคยพบเห็นการซื้อสิทธิ์ขายเสียงมากที่สุด (ร้อยละ 63.8) รองลงมา
เป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (เคยพบเห็น ร้อยละ 54.8) ส่วนภาคอื่นๆ มีดังนี้
  ปริมณฑล เคยพบเห็นร้อยละ 52.3 ขณะที่ร้อยละ 47.7 ไม่เคยพบเห็น
  ภาคกลาง เคยพบเห็นร้อยละ 49.5 ขณะที่ร้อยละ 50.5 ไม่เคยพบเห็น
  ภาคตะวันออก เคยพบเห็นร้อยละ 47.7 ขณะที่ร้อยละ 52.3 ไม่เคยพบเห็น
  ภาคเหนือ เคยพบเห็นร้อยละ 45.8 ขณะที่ร้อยละ 54.2 ไม่เคยพบเห็น
  กรุงเทพมหานคร เคยพบเห็นร้อยละ 34.5 ขณะที่ร้อยละ 65.5 ไม่เคยพบเห็น
 
                  ทั้งนี้จากผลสำรวจในภาพรวมที่ประชาชนเกือบครึ่งเคยพบเห็นการซื้อสิทธิ์ สะท้อนให้เห็นถึงระดับปัญหา
ที่อยู่ในขั้นรุนแรง โดยการซื้อสิทธิ์ขายเสียงในการเลือกตั้งท้องถิ่นจะมีระดับความรุนแรงที่มากกว่าการเลือกตั้งใหญ่
และเกือบทุกภาคจะมีระดับความรุนแรงที่พอๆ กันยกเว้นพื้นที่กรุงเทพมหานคร ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็น
ในการเร่งปฏิรูปการเลือกตั้งเพื่อให้ได้ตัวแทนของประชาชนที่เป็นคนดีและคนเก่งมากที่สุด
 
                 โดยมีรายละเอียดตามประเด็นข้อคำถาม ดังต่อไปนี้
 
             1. ข้อคำถาม “การเลือกตั้งใหญ่ครั้งที่ผ่านมา ปี 2554 เคยพบเห็นการซื้อสิทธิ์ขายเสียงหรือไม่”

 
ร้อยละ
ไม่เคยพบเห็น
57.0
เคยพบเห็น
43.0

             เมื่อพิจารณาในแต่ละภาค พบว่า

ภาค
การซื้อสิทธิ์ขายเสียง
เคยพบเห็น
(ร้อยละ)
ไม่เคยพบเห็น
(ร้อยละ)
รวม
(ร้อยละ)
ใต้
51.0
49.0
100.0
ตะวันออกเฉียงเหนือ
49.1
50.9
100.0
กลาง
45.9
54.1
100.0
ปริมณฑล
45.3
54.7
100.0
ตะวันออก
40.2
59.8
100.0
เหนือ
36.9
63.1
100.0
กรุงเทพมหานคร
27.4
72.6
100.0
 
 
             2. ข้อคำถาม “นับจาก ปี 2554 เป็นต้นมา เคยพบเห็นการซื้อสิทธิ์ขายเสียงการเลือกตั้งท้องถิ่น
                    เช่น อบต. อบจ. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือไม่””

 
ร้อยละ
ไม่เคยพบเห็น
50.1
เคยพบเห็น
49.9

             เมื่อพิจารณาในแต่ละภาค พบว่า

ภาค
การซื้อสิทธิ์ขายเสียง
เคยพบเห็น
(ร้อยละ)
ไม่เคยพบเห็น
(ร้อยละ)
รวม
(ร้อยละ)
ใต้
63.8
36.2
100.0
ตะวันออกเฉียงเหนือ
54.8
45.2
100.0
ปริมณฑล
52.3
47.7
100.0
กลาง
49.5
50.5
100.0
ตะวันออก
47.7
52.3
100.0
เหนือ
45.8
54.2
100.0
กรุงเทพมหานคร
34.5
65.5
100.0
 
 
รายละเอียดการสำรวจ
วัตถุประสงค์ในการสำรวจ:
                  เพื่อต้องการทราบถึงระดับความรุนแรงของการซื้อสิทธิ์ขายเสียงในช่วงการเลือกตั้งใหญ่ ปี 2554 และการเลือกตั้ง
ท้องถิ่นในแต่ละภูมิภาคทั่วประเทศ และสะท้อนผลสำรวจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้พัฒนาประเทศต่อไป
 
ประชากรที่สนใจศึกษา:
                  การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป โดยการสุ่ม
สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบ Simple Random Sampling
แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
 
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error):
                  ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน  3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
 
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล:
                  ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Phone Survey) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถาม
ที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบ
ความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
 
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล:  : 24 - 26 พฤศจิกายน 2558
 
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ: 1 ธันวาคม 2558
 
สรุปข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง:
ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์
 
จำนวน
ร้อยละ
เพศ:
   
             ชาย
645
54.1
             หญิง
547
45.9
รวม
1,192
100.0
อายุ:
 
 
             18 – 30 ปี
178
14.9
             31 – 40 ปี
279
23.4
             41 – 50 ปี
318
26.6
             51 – 60 ปี
271
22.8
             61 ปีขึ้นไป
146
12.3
รวม
1,192
100.0
การศึกษา:
 
 
             ต่ำกว่าปริญญาตรี
815
68.4
             ปริญญาตรี
303
25.4
             สูงกว่าปริญญาตรี
74
6.2
รวม
1,192
100.0
อาชีพ:
   
             ลูกจ้างรัฐบาล
142
11.9
             ลูกจ้างเอกชน
286
24.0
             ค้าขาย/ ทำงานส่วนตัว/ เกษตรกร
553
46.4
             เจ้าของกิจการ/ นายจ้าง
39
3.3
             ทำงานให้ครอบครัว
6
0.5
             พ่อบ้าน / แม่บ้าน / เกษียณอายุ
129
10.8
             นักเรียน/ นักศึกษา
25
2.1
             ว่างงาน/ รวมกลุ่ม
12
1.0
รวม
1,192
100.0
 
ติดตามกรุงเทพโพลล์ผ่าน twitter ได้ที่  twitter bangkokpoll
Download PDF file:  
 
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)    โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1770-1776