analyticstracking
ผลสำรวจเรื่อง “PM 2.5 เกินมาตรฐาน วิกฤตการณ์ที่คนไทยต้องเผชิญ ”
           ประชาชนร้อยละ 53.6 มีความกังวลมากถึงมากที่สุดว่าสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จะส่งผลเสียต่อ
    สุขภาพของตนเองและคนในครอบครัว
            โดยร้อยละ 57.8 ระบุว่าเริ่มมีอาการไอ แสบคอ และร้อยละ 51.6 มีอาการจาม มีน้ำมูก
    เลือดกำเดาไหล ทั้งนี้ร้อยละ 88.1 เลือกวิธีป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM 2.5 ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย
            สำหรับร้อยละ 50.0 ระบุว่า จะเลือกใช้วิธีปลูกต้นไม้เพื่อช่วยลดมลพิษทางอากาศ
            พร้อมวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ต้นเหตุจริงๆ
 
 
 
ดีมาก (5)
ดี (4)
ปานกลาง (3)
พอใช้ (2)
แย่ (1)
 
 
                  จากการที่ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานในหลายพื้นที่ของประเทศไทย
ขณะนี้ กรุงเทพโพลล์โดย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จึงสำรวจความเห็นประชาชนเรื่อง
“PM 2.5 เกินมาตรฐาน วิกฤตการณ์ที่คนไทยต้องเผชิญ” โดยเก็บข้อมูลจาก
ประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,071 คน พบว่า
 
                  ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 53.6 มีความกังวลมากถึงมากที่สุดว่า
สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในขณะนี้จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของตนเองและคนใน
ครอบครัว
ขณะที่ร้อยละ 46.4 มีความกังวลน้อยถึงน้อยที่สุด
 
                  เมื่อถามว่าตัวท่านหรือคนในครอบครัว ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพ
และการดำเนินชีวิตจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างไรบ้าง พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ
57.8 มีอาการไอ แสบคอ
รองลงมาร้อยละ 51.6 มีอาการจาม มีน้ำมูก เลือดกำเดาไหล
และร้อยละ 31.3 มีอาการแสบตา คันตา ตาแดง
 
                  ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 88.1 เลือกใช้วิธีป้องกันตนเองจาก
ฝุ่น PM 2.5 ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่นPM 2.5
รองลงมาร้อยละ 32.4 ระบุว่าไม่ออกนอกบ้าน
ถ้าไม่จำเป็น และร้อยละ 26.9 ระบุว่าหลีกเลี่ยง/งดไปในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูง
 
                  ส่วนมาตรการการบริหารจัดการฝุ่น PM 2.5 จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีนั้น ส่วนใหญ่ร้อยละ
58.6 ระบุว่าควรหาแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ต้นเหตุจริงๆ
รองลงมาร้อยละ 52.6 ระบุว่า ควรบังคับใช้
กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ที่กระทำการเผาในที่โล่งแจ้ง และร้อยละ 46.1 ระบุว่าควรตรวจสอบโรงงานที่ทำให้เกิดฝุ่น
ละอองหากเกินมาตรฐาน
 
                  สุดท้ายเมื่อถามว่า ตัวท่านเองจะสามารถช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างไรบ้าง ประชาชน
ร้อยละ 50.0 ระบุว่าจะปลูกต้นไม้ช่วยลดมลพิษ
รองลงมาร้อยละ 48.4 ระบุว่าจะร่วมมือกับทางการงดเผาในพื้นที่
การเกษตรและในที่โล่งแจ้ง และร้อยละ 29.9 ระบุว่าจะช่วยโพสต์/แชร์ ความรู้และอันตรายที่เกิดจากฝุ่น PM 2.5
 
 
                  โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
 
             1. จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในขณะนี้ มีความกังวลว่าจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของท่านและ
                  คนในครอบครัวมากน้อยเพียงใด


 
ร้อยละ
กังวลมากถึงมากที่สุด
(โดยแบ่งเป็น กังวลมากร้อยละ 34.1 และกังวลมากที่สุดร้อยละ 19.5)
53.6
กังวลน้อยถึงน้อยที่สุด
(โดยแบ่งเป็น กังวลน้อยที่สุดร้อยละ 23.9 และกังวลน้อยที่สุดร้อยละ 22.5)
46.4
 
 
             2. ตัวท่านหรือคนในครอบครัว ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพและการดำเนินชีวิตจากปัญหา
                  ฝุ่น PM 2.5 อย่างไรบ้าง(เลือกตอบได้มากกว่า 1ข้อ)


 
ร้อยละ
ไอ แสบคอ
57.8
จาม มีน้ำมูก เลือดกำเดาไหล
51.6
แสบตา คันตา ตาแดง
31.3
ภูมิแพ้กำเริบ
29.1
หายใจติดขัด/ปอดอักเสบ
24.4
เป็นผื่นคันตามตัว
17.0
ปวดหัว/ไมเกรน
9.7
 
 
             3. ท่านป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 อย่างไร(เลือกตอบได้มากกว่า 1ข้อ)

 
ร้อยละ
สวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่นPM 2.5
88.1
ไม่ออกนอกบ้านถ้าไม่จำเป็น
32.4
หลีกเลี่ยง/งดไปในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูง
26.9
งดกิจกรรม/การออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง
16.6
ซื้อเครื่องฟอกอากาศไว้ที่บ้าน
15.1
ตรวจสอบค่าฝุ่นในสถานที่ที่จะไปอยู่เสมอ
8.9
อื่นๆ อาทิ ใส่แว่น ปิดประตูหน้าต่าง ฯลฯ
1.4
 
 
             4. ท่านคิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการบริหารจัดการฝุ่น PM 2.5 อย่างไร
                  (เลือกตอบได้มากกว่า 1ข้อ)


 
ร้อยละ
หาแนวทางแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ต้นเหตุจริงๆ
58.6
บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ที่กระทำการเผาในที่โล่งแจ้ง
52.6
ตรวจสอบโรงงานที่ทำให้เกิดฝุ่นละอองหากเกินมาตรฐาน
46.1
สร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับปัญหาฝุ่นละออง
32.1
ขอความร่วมมือลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวมาทำงาน
14.7
ประกาศให้หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมที่อยู่กลางแจ้ง
12.3
จัดสลับวันเรียน/วันทำงาน เพื่อลดการออกนอกบ้าน
10.0
อื่นๆ อาทิ ฉีดพ่นน้ำ ตรวจเช็กรถที่ควันดำอย่างต่อเนื่อง ทำฝนเทียม ฯลฯ
2.7
 
 
             5. ท่านคิดว่าตัวท่านเองจะสามารถช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างไรบ้าง
                  (เลือกตอบได้มากกว่า 1ข้อ)


 
ร้อยละ
ปลูกต้นไม้ช่วยลดมลพิษ
50.0
ร่วมมือกับทางการงดเผาในพื้นที่การเกษตรและในที่โล่งแจ้ง
48.4
ช่วยโพสต์/แชร์ ความรู้และอันตรายที่เกิดจากฝุ่น PM 2.5
29.9
เช็คสภาพรถเพื่อลดควันดำ
32.8
งดการจุดธูปไหว้พระ/เผากระดาษไหว้เจ้า
26.4
ใช้รถส่วนตัวน้อยลงหันไปใช้บริการรถสาธารณะแทน
26.3
เปลี่ยนไปใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า/มอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า
8.5
เลิกสูบบุหรี่
7.3
 
 
รายละเอียดการสำรวจ
วัตถุประสงค์การสำรวจ:
                  เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับความกังวลต่อสุขภาพ และผลกระทบที่ได้รับจาก
สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน การป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 ตลอดจนมาตรการบริหารจัดการฝุ่น PM 2.5
ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมี และวิธีการที่ตนเองสามารถช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้ ทั้งนี้เพื่อสะท้อนมุมมองความคิดเห็น
ของประชาชนให้สังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
 
ประชากรที่สนใจศึกษา:
                  การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์
จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ และการลงพื้นที่เก็บข้อมูล ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling)
แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
 
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error):
                  ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน  4 ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
 
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล:
                  ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Enumeration by telephone) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็น
แบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอนประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) จากนั้นจึงนำแบบสอบถาม
ทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
 
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล:  : 13-15 มีนาคม 2566
 
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ: 18 มีนาคม 2566
 
สรุปข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง:
ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์
 
จำนวน
ร้อยละ
เพศ:
   
             ชาย
511
47.7
             หญิง
560
52.3
รวม
1,071
100.0
อายุ:
 
 
             18 – 30 ปี
83
7.7
             31 – 40 ปี
162
15.1
             41 – 50 ปี
279
26.1
             51 – 60 ปี
300
28.0
             61 ปีขึ้นไป
247
23.1
รวม
1,071
100.0
การศึกษา:
 
 
             ต่ำกว่าปริญญาตรี
642
60.0
             ปริญญาตรี
326
30.4
             สูงกว่าปริญญาตรี
103
9.6
รวม
1,071
100.0
อาชีพ:
   
             ลูกจ้างรัฐบาล
155
14.5
             ลูกจ้างเอกชน
201
18.8
             ค้าขาย/ ทำงานส่วนตัว/ เกษตรกร
416
38.8
             เจ้าของกิจการ/ นายจ้าง
42
3.9
             ทำงานให้ครอบครัว
1
0.1
             พ่อบ้าน / แม่บ้าน / เกษียณอายุ
233
21.8
             นักเรียน/ นักศึกษา
15
1.4
             ว่างงาน
8
0.7
รวม
1,071
100.0
 
ติดตามกรุงเทพโพลล์ผ่าน twitter ได้ที่  twitter bangkokpoll
Download PDF file:  
 
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)    โทร. 02-407-3888 ต่อ 2897,2898