หัวข้อ   “ภาพสะท้อนวงการฟุตบอลไทยในสายตาแฟนบอล”
                 ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง ภาพสะท้อนวงการฟุตบอลไทย
ในสายตาแฟนบอล  พบว่า แฟนบอลส่วนใหญ่อยากเห็นการพัฒนาเปลี่ยนแปลงในด้านทักษะและความเป็นมืออาชีพของ
นักเตะมากที่สุด และคิดว่าการให้ผู้เล่นต่างชาติลงสนามได้ 5 คนเป็นผลดีต่อการพัฒนาลีกฟุตบอลไทย  เพราะทำให้
นักเตะไทยต้องพัฒนาฝีเท้าเพื่อแข่งขันกับนักเตะต่างชาติ พร้อมเชื่อว่าทีมเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด จะคว้าแชมป์
ไทยพรีเมียร์ลีก 2010  นอกจากนี้ยังเชื่อว่าทีมชาติไทยจะไม่มีทางได้ไปแข่งขันฟุตบอลโลก  ทั้งนี้ การสำรวจดังกล่าว
เก็บข้อมูลจากกลุ่มประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่สนใจติดตามข่าวการแข่งขันฟุตบอล
จำนวน 930 คน เมื่อวันที่ 4-8 มีนาคม ที่ผ่านมา
                 ดังรายละเอียดต่อไปนี้
 
             1. ความตั้งใจที่จะติดตามชมการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก 2010

 
ร้อยละ
จะติดตามชม
73.8
จะไม่ติดตามชม
เนื่องจาก  - ไม่สนใจฟุตบอลลีกของไทย               ร้อยละ 12.0
             - ไม่มีเวลา เพราะต้องเรียน/ทำงาน         ร้อยละ 14.2
26.2
 
 
             2. สิ่งที่อยากเห็นการพัฒนาเปลี่ยนแปลงมากที่สุด เพื่อยกระดับมาตรฐานฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก
                 2010 (5 อันดับแรก) คือ


 
ร้อยละ
ด้านทักษะและความเป็นมืออาชีพของนักฟุตบอล
40.4
ด้านมารยาทการเชียร์ของแฟนบอล
24.0
ด้านระบบการรักษาความปลอดภัยในสนามฟุตบอล
16.6
ด้านมาตรฐานการตัดสินของกรรมการและผู้กำกับเส้น
9.7
ด้านการประชาสัมพันธ์และการถ่ายทอดสด
9.3
 
 
             3. ความคิดเห็นต่อการให้ผู้เล่นต่างชาติลงสนาม 5 คนว่าจะส่งผลดีหรือผลเสียต่อการพัฒนา
                 ลีกฟุตบอลไทย


 
ร้อยละ
คิดว่าเป็นผลดี
เนื่องจาก - ทำให้นักเตะไทยต้องพัฒนา
  ฝีเท้ามากขึ้น เพื่อแข่งขันกับ
  นักเตะต่างชาติ
ร้อยละ 40.6
- ทำให้นักเตะไทยรู้ถึงความเป็น
  มืออาชีพของนักเตะต่างชาติ
ร้อยละ 18.4
- ทำให้ฟุตบอลมีความสนุกขึ้น
  เรียกผู้ชมได้มากขึ้น
ร้อยละ 13.6
72.6
คิดว่าเป็นผลเสีย
เนื่องจาก - ทำให้นักเตะไทยเสียโอกาส
  ในการลงเล่นเพื่อพัฒนาฝีเท้า
ร้อยละ 19.8
- ทำให้ทีมชาติไทยขาดนักเตะ
  ที่มีคุณภาพ
ร้อยละ 5.4
- ทำให้นักเตะไทยเสียโอกาส
  ในการสร้างรายได้
ร้อยละ 2.2
27.4
 
 
             4. ความคิดเห็นต่อสโมสรในศึกฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ที่คาดว่าน่าจะได้เป็นแชมป์ในฤดูกาลนี้
                 คือ


 
ร้อยละ
เมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด
48.4
ชลบุรี เอฟซี
22.3
บางกอกกล๊าส เอฟซี
20.8
อื่นๆ อาทิ บุรีรัมย์-การไฟฟ้าฯ การท่าเรือไทย เอฟซี
8.5
 
 
             5. คะแนนความพึงพอใจต่อศักยภาพในด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาฟุตบอลทีมชาติไทย พบว่า
                 ได้คะแนนเฉลี่ย 5.74 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน   โดยคะแนนความพึงพอใจในด้านการ
                 สนับสนุนให้กำลังใจจากแฟนบอลโดยการไปเชียร์ที่สนามได้คะแนนสูงสุดคือ 6.79 คะแนน

                 ขณะที่ด้านทักษะความสามารถและการควบคุมอารมณ์ของนักเตะได้คะแนนต่ำสุดคือ 4.99
                 คะแนน


 
คะแนนเฉลี่ย
ด้านการสนับสนุนให้กำลังใจจากแฟนบอลโดยการไปเชียร์ที่สนาม
6.79
ด้านการพัฒนามาตรฐานฟุตบอลลีก
5.86
ด้านความสามารถและผลงานของโค้ชและผู้จัดการทีม
5.85
ด้านการพัฒนาฟุตบอลในระดับรากหญ้าและเยาวชน
5.48
ด้านระบบการบริหารจัดการของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
5.47
ด้านทักษะความสามารถและการควบคุมอารมณ์ของนักเตะ
4.99
 
 
             6. ความเชื่อมั่นว่าฟุตบอลทีมชาติไทยจะสามารถไปแข่งขันฟุตบอลโลกได้

 
ร้อยละ
เชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้
โดยส่วนใหญ่คิดว่าจะได้ไปภายในระยะเวลา
  - มากกว่า 20 ปีขึ้นไป ร้อยละ 18.9
  - ภายใน 12 ถึง 16 ปี ร้อยละ 16.5
  - ภายใน 4 ถึง 8 ปี ร้อยละ 13.7
49.1
เชื่อว่าไม่มีทางเป็นไปได้
50.9
 
 
รายละเอียดในการสำรวจ
ระเบียบวิธีการสำรวจ:
                  การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปในทุกสาขาอาชีพ ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน
28 เขต จาก 50 เขต ทั้งเขตชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก ได้แก่ คลองเตย คลองสาน จตุจักร จอมทอง ดอนเมือง ดินแดง
บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ บางกะปิ บางคอแหลม บางซื่อ บางนา บางบอน บางรัก บึงกุ่ม ประเวศ พญาไท พระนคร
ภาษีเจริญ มีนบุรี ราชเทวี ลาดกระบัง ลาดพร้าว วังทองหลาง สวนหลวง สะพานสูง สาทรและหนองแขม และจังหวัดในเขต
ปริมณฑลรวม 3 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage
Sampling) จากนั้นใช้วิธีเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์แบบพบตัวได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้นจำนวน 930 คน เป็นชาย ร้อยละ 89.4
และหญิงร้อยละ 10.6
 
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error):
                  ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน  4% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
 
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล:
                  ใช้การสัมภาษณ์แบบพบตัว โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน
ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และข้อคำถามปลายเปิด จากนั้นคณะนักวิจัยได้นำแบบ
สอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
 
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล: 4 – 8  มีนาคม 2553
 
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ: 18 มีนาคม 2553
 
สรุปข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง:
ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์
 
จำนวน
ร้อยละ
เพศ:    
             ชาย
831
89.4
             หญิง
99
10.6
รวม
930
100.0
อายุ:
 
 
             15 – 25 ปี
300
32.2
             26 – 35 ปี
299
32.2
             36 – 45 ปี
199
21.4
             46 ปีขึ้นไป
132
14.2
รวม
930
100.0
การศึกษา:
 
 
             ต่ำกว่าปริญญาตรี
575
61.8
             ปริญญาตรี
316
34.0
             สูงกว่าปริญญาตรี
39
4.2
รวม
930
100.0
อาชีพ:
 
 
             ข้าราชการ / พนักงานรัฐวิสาหกิจ
55
5.9
             พนักงาน / ลูกจ้างบริษัทเอกชน
327
35.2
             ค้าขาย / ประกอบอาชีพส่วนตัว
208
22.4
             รับจ้างทั่วไป
162
17.4
             พ่อบ้าน / แม่บ้าน / เกษียณอายุ
16
1.7
             อื่นๆ อาทิ นักศึกษา อาชีพอิสระ ว่างงาน เป็นต้น
162
17.4
รวม
930
100.0
 
Vote:  ดีมาก(5) ดี (4) ปานกลาง(3) พอใช้ (2) แย่ (1)  
 ผลคะแนนVote              
 
Download PDF file:  
 
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)
Email: bangkokpoll@bu.ac.th      โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1770-1776